เสียงเข็มปักผ้าดังแผ่วในตำหนักฮวาหลาน
เซียนหลันกำลังเย็บมุมผ้าปักดอกเหมยเพื่อนำไปถวายหอคัมภีร์ในเทศกาลหน้าร้อน
มือนางแม่นยำดั่งนักกลยุทธ์ที่วางหมาก แต่ใจกลับว่างเปล่า…จนกระทั่งเสียงขันทีด้านนอกเอ่ยขึ้น
“เวินซื่อจื่อ ขอลาพระราชกิจมาทักทายองค์หญิงสี่พ่ะย่ะค่ะ”
เซียนหลันชะงักปลายเข็ม
ชื่อนี้…แม้ผ่านไปนานหลายปี ก็ยังไม่เคยจางจากความทรงจำ
⸻
เวินอี้เฉิน (温奕辰)
บุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมพิธีการ
เมื่อครั้งนางยังอยู่ในวัยเยาว์—เขาคือ “ผู้เดียว” ที่แสดงความอ่อนโยนต่อหญิงที่ทุกคนหลีกหนี
เขาคือคนที่เคยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ยามนางร้องไห้
คือผู้ที่เคยเฝ้ารออยู่หน้าตำหนักเย็น แม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์เข้าไป
และเขา…ก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลยหลัง “คืนนั้น” ที่นางถูกกล่าวหาว่าลอบวางยารัชทายาท
⸻
บานประตูไม้เปิดช้า ๆ
เวินอี้เฉินในวัยหนุ่มสูงขึ้นกว่าเดิม สวมชุดผ้าไหมน้ำตาลเข้มลายเมฆทอง
ใบหน้าเรียบสงบ ดวงตาอ่อนโยนดังเดิม…แต่ลึกเกินจะอ่านออกง่าย ๆ
“เจ้าดูสงบขึ้น”
เขาเอ่ยเบา ๆ พลางยื่นพัดไม้จันทน์ปักกลอนบทหนึ่งให้
“และเจ้าก็ยังช่างจำเรื่องเก่าเหมือนเคย”
เซียนหลันรับพัด
กลอนบนพัดคือกลอนที่นางเคยเขียนเล่นเมื่อตอนอายุแปดขวบ — ถูกเย็บไว้ในสมุดที่หายไปหลังคดีปีนั้น
⸻
“แม้พัดจะหัก…ข้ายังเก็บไว้”
“เพราะบทกลอนนั้น…ไม่เคยหายจากใจ”
น้ำเสียงเขาไม่อ่อนหวาน ไม่คร่ำครวญ
แต่ตรงพอจะทำให้เซียนหลันหยุดมือชั่วขณะ
⸻
ทั้งสองเดินเคียงกันในสวน
สายลมเย็นพัดผ่านปลายผม ร่มไม้เหนือหัวปล่อยเงาเคลื่อนไปตามจังหวะแดด
“เจ้ากลับมาเงียบกว่าที่ข้าคิดไว้”
เวินอี้เฉินกล่าว
“เจ้าก็เฝ้ามองเงียบกว่าที่ข้าจำได้”
เซียนหลันย้อน
เขายิ้มบาง ๆ
“ข้าเคยเฝ้ามอง…แต่ตอนนี้ ข้าอยากเฝ้าร่วมมือ”
⸻
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าตั้งแต่เจ้ากลับมา พวกเขาไม่สนใจหงส์บนฟ้าอีกต่อไป”
“เพราะเจ้าทำให้พวกเขาเชื่อว่า ‘หงส์ที่เคยบาดเจ็บ’ นั้น…อันตรายยิ่งกว่าหงส์ที่สง่างาม”
เซียนหลันเงียบ
เวินอี้เฉินหันมามอง
“ข้าอยากเตือน…แม้เจ้าจะชนะศึกวาจา ศึกจิตใจ ศึกบัลลังก์…แต่มีศึกหนึ่งที่ไม่ควรแพ้”
“ศึกในใจตัวเอง”
⸻
คืนนั้น ในห้องของซูเมิ่งอวี่
แสงเทียนสะท้อนดวงหน้าที่เคยมั่นใจ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยรอยกังวล
“นางมีคนหนุนหลังอีกคนแล้วงั้นหรือ?”
“และเป็น ‘เวินอี้เฉิน’…ชายที่ไม่เคยเล่นเกมกับใคร แต่กลับยอมเดินเข้าเงาของนางเอง?”
นางกำพัดแน่น ดวงตาวาวโรจน์
“หากเจ้าไม่หยุดเดินเข้าหานาง…”
“ข้าจะทำให้นาง…เดินไม่เป็นอีกเลย”