วังหลวงในยามค่ำคืนมักเงียบงันและเย็นชืด
แต่คืนนี้ แสงเปลวเพลิงสว่างวาบเหนือยอดตำหนักหลวงทางทิศตะวันออก
ควันดำพวยพุ่งขึ้นราวอสูรร้ายตื่นจากหลับใหล
เสียงกลองเตือนภัยดังขึ้นสามระลอก
เหล่าขันที นางใน และทหารต่างกรูกันเข้าสู่เขตตำหนัก ฉืออวี้กง—ตำหนักเก็บตำราโบราณของราชวงศ์
⸻
“เกิดเพลิงไหม้!”
เสียงตะโกนดังข้ามกำแพง
ผู้ดูแลหอคัมภีร์หน้าซีดเผือด ยืนชี้นิ้วไม่หยุด
“มีรอยเท้าเข้ามาเมื่อคืน มีผ้าไหมเปื้อนน้ำมันซุกไว้ใต้ศาลา และหลักฐานชี้ไปที่—องค์หญิงสี่!”
⸻
ภายในตำหนักฮวาหลาน
เซียนหลันได้รับข่าวจากบ่าวคนสนิท
นางเพียงวางถ้วยชาโดยไม่แสดงอารมณ์
ดวงตาสีเข้มมองออกนอกหน้าต่างนิ่ง ก่อนพูดเบา ๆ
“เริ่มแล้วสินะ…”
“เกมใส่ร้ายแบบโจ่งแจ้งเพื่อเร่งให้ข้าลนลาน”
⸻
ตอนเช้าท่ามกลางท้องพระโรง
ขุนนางฝ่ายพิทักษ์ระเบียบยื่นหลักฐานต่อหน้าฮ่องเต้
“กระหม่อมพบผ้าไหมปักอักษร ‘หลัน’ ซุกอยู่ใต้ศาลา พร้อมรอยเท้าที่ตรงกับรองเท้าตำหนักฮวาหลาน”
“โปรดทรงพิจารณา”
เสียงฮือฮาเริ่มดัง
กุ้ยเฟยซูเจิน แสร้งถอนใจ
“ช่างน่าเสียดายนัก…ข้านึกว่าเซียนหลันจะดีขึ้นแล้ว”
“แต่ไฟไหม้คลังตำรา หากไม่ลงโทษหลวง อาจมีผู้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง”
⸻
ก่อนที่ฮ่องเต้จะตรัส
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากท่ามกลางขุนนาง
“ใต้เท้าซุน…”
เสียงเรียบของเฟิงอวี้หานดังขึ้น
“ท่านกล่าวว่าเจอรอยเท้าใกล้ศาลา และมีผ้าเปื้อนน้ำมัน?”
“แต่ตำหนักฮวาหลานมิได้ใช้ตะเกียงน้ำมันมาเกือบครึ่งปีแล้ว”
⸻
เสียงฮือซาลงทันที
เฟิงอวี้หานเดินออกมาข้างหน้า
“และ ‘ผ้าไหมปักอักษรหลัน’ แบบนี้ ใช้เฉพาะในช่วงเทศกาลมงคล ขณะที่สัปดาห์นี้…ไม่มีการตัดชุดใหม่แม้แต่ชิ้นเดียวจากตำหนักนั้น”
“ข้าขอเสนอให้สอบ ‘ผู้ที่นำผ้าเข้าเขตศาลาหยก’ ก่อนจะตั้งข้อกล่าวหา”
⸻
ฮ่องเต้หลี่ซือเฉินมองพระโอรสของตน
สายตานั้นมีบางอย่างผันแปรนิดหนึ่ง
“เจ้า…แน่ใจหรือว่าไม่มีอคติในเรื่องนี้?”
“กระหม่อมไม่มีเหตุผลต้องลำเอียงเพื่อใคร”
เฟิงอวี้หานโค้งศีรษะ
“มีแต่เหตุผลให้ ‘ไม่อาจทนเห็นความอยุติธรรมกระทำอย่างง่ายดายในนามกฎหมาย’”
⸻
ช่วงบ่าย
เซียนหลันถูกเชิญให้มาร่วมตรวจดู “หลักฐาน” ที่มีการยื่นใหม่
ซึ่งเป็นจดหมายลับอีกฉบับ—พบในกล่องใส่ตำราโบราณ มีลายเซ็นคล้ายของนาง
นางอ่านข้อความอย่างเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยเบา ๆ
“ข้าจะไม่ปฏิเสธ หรือแก้ตัว”
“แต่ข้าขอให้มีการเปรียบลายมือโดยใช้ผู้ตรวจจากราชสำนัก ไม่ใช่บ่าววังหลัง”
“หากใครมั่นใจในหลักฐานตนจริง…ย่อมไม่ปฏิเสธการตรวจสอบที่โปร่งใส”
⸻
เสียงรอบห้องเงียบ
เจียงซินหลัวซึ่งอยู่ข้าง ๆ มองเซียนหลันอย่างนิ่ง
นี่ไม่ใช่การดิ้นรนเพื่อพ้นผิด แต่คือการ “เปิดช่องให้ศัตรูเปิดเผยพิรุธ”
⸻
กลางคืนในศาลาพักกลางสวน
เฟิงอวี้หานเดินเข้ามาเงียบ ๆ
เซียนหลันกำลังรดน้ำต้นชาจากแคว้นอี้เฉิง
เขายืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย
“เจ้ารู้ใช่ไหม ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
เซียนหลันไม่ตอบตรง
“ข้าแค่รู้ว่า…บางคนเริ่มร้อนใจจนต้องจุดไฟลวงเผาศาลา ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคนดูแลตำรานั้น เคยเป็นพี่ชายของบ่าวข้าคนหนึ่ง”
เฟิงอวี้หานหลุดยิ้มเล็ก ๆ
“เจ้าไม่ได้เล่นหมาก…เจ้าวางกระดานให้เขาเดินตกเอง”
เซียนหลันยิ้มบาง
“ถ้าข้าชนะเพราะข้าเก่ง…คนจะไม่จำ”
“แต่ถ้าศัตรู ‘แพ้เพราะตัวเอง’ คนจะไม่ลืม”