หอกลางวังหลวงที่ใช้ฝึกมารยาทและพิธีการเงียบงันผิดปกติ
วันนี้ไม่ใช่วันฝึกปกติ แต่เป็นวันพิเศษ—องค์ชายซูเหยียน จะมาทอดพระเนตรการฝึกเย็บผ้าของสตรีในวังด้วยตนเอง
“เหตุใดองค์ชายจึงมาด้วยตนเอง? ท่านเคยไม่เคยแยแสกิจกรรมสตรีมาก่อนเลย”
เสียงนางกำนัลกระซิบกันเบา ๆ
“ได้ยินว่า…เพราะมีบางคน ‘น่าสนใจ’ พอให้เสด็จพี่สนพระทัยแล้วล่ะสิ”
“เจ้าพูดถึงองค์หญิงสี่ใช่หรือไม่?”
“ชู่ อย่าให้ใครได้ยิน!”
⸻
ซูเหยียน เป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ผิวขาวจัด นัยน์ตาคมคล้ายมารดา—กุ้ยเฟยซูเจิน
ใบหน้าเรียบเฉยดั่งน้ำแข็ง แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเงียบ ๆ
เขาเดินเข้ามาในหอ ฝีเท้าสม่ำเสมอ ทุกการเคลื่อนไหวมีจังหวะอย่างคนที่ถูกฝึกให้ “สมบูรณ์แบบ”
เมื่อสายตาเขาเหลือบมาเห็นเซียนหลันที่กำลังเย็บผ้าอยู่มุมหนึ่ง เขากลับหยุดเดินชั่วขณะ
ก่อนจะหันมายิ้มเล็กน้อย
“น้องหญิงสี่ มิได้พบกันนานนัก”
เสียงทุ้มนิ่งนั้นแฝงความเย็นยะเยือกของผู้ที่ไม่เคยเปิดใจให้ใคร
เซียนหลันลุกขึ้นย่อกาย
“ถวายพระพรเสด็จพี่”
“ผ้าผืนนี้…ฝีมือเจ้า?”
เขาถามขณะหยิบผ้าสีเทาที่นางกำลังเย็บ
“เพคะ ข้าคิดถึงม่านในตำหนักของมารดาข้า เลยลองเลียนแบบลวดลายเดิม”
ซูเหยียนหยุดเล็กน้อย—ชื่อของพระชายาผู้ล่วงลับไม่เคยถูกกล่าวถึงต่อหน้ากุ้ยเฟยมานาน
แต่เซียนหลัน…ไม่เคยลืม
⸻
ระหว่างนั้น
หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมถาดน้ำชา
ชุดสีชมพูอ่อนแซมม่วงอ่อนอย่างพอดี กิริยาเรียบร้อย ดวงตาพราวระยับอย่างรู้บท
“องค์ชาย ซูเมิ่งอวี่ขอถวายชาเพคะ”
“คุณหนูซู?” ซูเหยียนรับถ้วยด้วยมารยาท
นางหัวเราะเบา ๆ ยามสบตาเขา
“หม่อมฉันเห็นพระองค์เสด็จมายังที่นี่ จึงอยากแสดงความเคารพ”
“แต่คงไม่บังเอิญเกินไปนัก หากหม่อมฉันมีผ้าฝีมือตนเองอีกผืน ให้พระองค์พิจารณาเทียบกัน…”
เสียงเงียบลงชั่วครู่
ทุกคนในหอฝึกต่างรู้ว่า นางตั้งใจเปรียบเทียบ “ผ้าของเซียนหลัน” กับ “ผ้าของตน” โดยตรง
ซูเหยียนมองผ้าทั้งสองอย่างครุ่นคิด
ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ
“ของเจ้าทั้งสอง…คนละเจตนา”
“หนึ่งสวยเพราะหวังให้ถูกมอง อีกหนึ่งเรียบเพราะตั้งใจให้ถูกจำ”
สายตาเขาหยุดที่ผ้าของเซียนหลันนานกว่าหนึ่งจังหวะ
และแม้จะไม่เอ่ยชมออกมาตรง ๆ — แต่คำของเขาก็สร้างแรงกระเพื่อมทั่วหอ
⸻
หลังฝึกสิ้นสุด
เซียนหลันเดินออกจากหออย่างสงบ แต่ฝีเท้าของใครบางคนตามมาติด ๆ
“เจ้ายังเย็บผ้าเหมือนตอนเด็ก”
เสียงของซูเหยียนดังขึ้นด้านหลัง
“ขอบคุณที่ยังจำได้”
เซียนหลันตอบโดยไม่หัน
“ในอดีต…ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยให้ข้าผืนหนึ่ง—เป็นผ้าสีเงินที่มีลายดอกเหมยสีเทา”
“แต่ตอนนี้เจ้าเปลี่ยนไป”
“จากผ้าที่เรียบ…เป็นผ้าที่มีหนาม”
เซียนหลันหยุด
หันกลับมามองเขาตรง ๆ
“ก็เพราะข้าเคยถูกฉีกผ้าทิ้งต่อหน้า…”
“ข้าจึงเย็บใหม่ โดยให้เงาแหลมคมอยู่ในทุกฝีเข็ม”
ซูเหยียนจ้องนางครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ
“ข้าชอบแบบนี้มากกว่า”
⸻
ด้านหนึ่งของสวน
ซูเมิ่งอวี่ยืนมองเงาของทั้งสองคนจากระยะไกล
มือที่กำพัดแน่นนั้นสะท้อนแสงจันทร์จาง ๆ
นางไม่โง่
นางเห็นชัดว่าซูเหยียน…อาจเริ่ม “หลง” เซียนหลัน
หากเช่นนั้น…
“ข้าจะทำให้พี่น้องรักกันจนเกินเลย…”
“เพื่อให้นาง…กลายเป็นคนที่ไม่มีหน้าหลงเหลือในวังนี้อีก”