หงส์คืนถิ่นกลิ่นดอกเหมยอ่อน ๆ ลอยมากับสายลมเย็นยะเยือก
เสียงกระดิ่งลมกระทบกันเบา ๆ ดั่งบทเพลงแห่งโชคชะตา
เซียนหลันสะดุ้งตื่น ร่างทั้งร่างชุ่มเหงื่อ มือสั่นเทา
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ…พื้นฟูกอุ่นนุ่ม กลิ่นหอมอ่อนของผ้าฝ้ายใหม่
“ข้า…ยังไม่ตาย?”
เสียงตนเองแผ่วเบาราวกับสายลม
นางเบิกตากว้าง ลุกขึ้นนั่งมองสำรวจรอบกาย
ห้องไม้สลักหลังเล็ก บานหน้าต่างเปิดรับแสงเช้าอ่อน ๆ และเสียงนกร้องจิ๊บจ๊าบ
บนโต๊ะยังมีขนมเปี๊ยะถั่วแดงที่คุ้นเคย และถ้วยหยกใบเล็กซึ่งจารึกชื่อของแม่—“อี้เฟย”
นี่มัน…ตำหนักฮวาหลาน
ตำหนักรองสำหรับองค์หญิงที่ยังไม่ได้รับพระราชทานฐานันดร
นางยังจำได้ชัด—ที่นี่คือสถานที่ที่นางอาศัยอยู่ในวัยเยาว์ ก่อนจะถูกส่งไปตำหนักเย็นตามคำสั่งของกุ้ยเฟย
หากเป็นเช่นนั้น…แสดงว่า—
“ข้ากลับมาแล้ว…ย้อนเวลากลับมาเมื่อ 10 ปีก่อน!”
เซียนหลันกัดริมฝีปาก นัยน์ตาสั่นไหวทั้งตื่นกลัวและดีใจปะปนกัน
⸻
ช่วงเวลาแห่งความเศร้า ความเจ็บปวด ความทรยศ…
ยังไม่เกิดขึ้น
มารดาของนางตายไปแล้วจริง
แต่ “เสด็จพ่อ” ยังคงทอดพระเนตรด้วยแววตาอ่อนโยน
“กุ้ยเฟย” ยังไม่ทันเผยเขี้ยวเล็บ
และเซียนหลัน…ยังมีโอกาสเปลี่ยนทุกอย่าง
“ครั้งนี้ ข้าจะไม่ยอมให้นางล่อลวงพวกคนในวังหลวงอีกต่อไป”
“จะไม่มีวันให้ใครใช้ข้าเป็นหมากอีก”
⸻
ตลอดหลายวันหลังจากรู้ว่าตนกลับมาเกิดใหม่ เซียนหลันเฝ้าสังเกตสิ่งรอบกายอย่างเงียบงัน
นางจดจำทุกเหตุการณ์ในอดีตได้อย่างแม่นยำ
ใครเป็นพวกกุ้ยเฟย ใครเป็นคนทรยศ
แม้แต่นางกำนัลเงียบ ๆ ที่วันหนึ่งจะกลายเป็นสายลับในครัวหลวง นางก็จดจำได้ขึ้นใจ
“หากหมากทุกตัวเป็นเหมือนเดิม…ข้าก็เพียงแต่ต้องวางกระดานให้ต่างไป”
นางเริ่มต้นจากเรื่องเล็ก
พูดจาอ่อนโยนกับขันทีหัวหน้าเพื่อให้เขาลดการรายงานไปถึงกุ้ยเฟย
แสร้งทำเป็นอ่อนแอบ้าง หัวอ่อนบ้าง เพื่อไม่ให้ใครสงสัยในความเปลี่ยนแปลง
และระหว่างที่นางค่อย ๆ ปรับแต่งทุกอย่างให้คลี่คลาย—
วันหนึ่ง โอกาสสำคัญก็มาถึง
⸻
งานเลี้ยงใหญ่ประจำปีของวังหลวงใกล้เข้ามา
แคว้นหนานเยียนส่งราชทูตเข้าร่วมพร้อมทูตพิเศษคือ “รัชทายาทเฟิงอวี้หาน”
ชายผู้หนึ่งที่ในอดีต นางได้พบเพียงครั้งเดียว แต่กลับจำไม่ลืม
วันนั้นในอดีต เขาเพียงมองนางผ่าน ๆ แล้วจากไป
แต่ครั้งนี้ นางมีแผน…
⸻
ในงานเลี้ยงใหญ่ใต้โคมหยกและผ้าแพรหลากสี
เจ้าหญิงน้อยผู้อ่อนหวาน นั่งอยู่อันดับท้าย ๆ ไร้ผู้ใส่ใจ
แต่ดวงตานางกลับจ้องชายหนุ่มในชุดดำผู้หนึ่ง ที่ยืนอยู่ข้างฮ่องเต้แห่งหนานเยียน
“เฟิงอวี้หาน…”
ชื่อที่มีเสียงสะท้อนในหัว
ชายผู้ที่ในอนาคตจะกลายเป็นมหาราชาผู้ยิ่งใหญ่
ผู้ที่ถูกตราหน้าว่าเย็นชา ไร้หัวใจ ไม่เคยไว้ใจใครแม้แต่น้องชายตนเอง
แต่เพียงหนึ่งปีหลังสงครามชายแดน—เขากลับหายตัวไปอย่างลึกลับ
นางรู้…ชายผู้นี้คือหนึ่งในผู้เดียวที่ไม่ถูกซื้อ
เขาไม่ใช่พันธมิตรที่ไว้ใจง่าย แต่หากควบคุมได้—คือพลังที่ประเมินค่าไม่ได้
และเขาก็เพิ่งหันมาสบตานางพอดี
⸻
“องค์หญิงเซียนหลันหรือ?”
เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ ยามที่พบกันหลังงานเลี้ยง นางเดินเลี่ยงออกมาจากฝูงชน
“เพคะ ข้าไม่ชอบเสียงครึกครื้นนัก”
นางตอบอย่างอ่อนหวาน แสร้งเป็นเพียงเด็กสาววังในผู้ขี้อาย
แต่เฟิงอวี้หานกลับจ้องนางนิ่ง
ราวกับมองทะลุม่านผ้าไหมสวยหรูเข้าไปถึงหัวใจที่ซ่อนความลับ
“เจ้าดูไม่เหมือนเด็กที่ถูกเลี้ยงในวังหรู”
“แต่กลับคล้ายหมากที่กำลังคิดอ่านจะกัดใครสักคน”
นางยิ้มบาง
รอยยิ้มที่เคยถูกฝึกฝนด้วยเลือดและน้ำตา
“ถ้าข้าเป็นหมาก…ท่านก็คงเป็นกระดาน”
“แล้วเรามาลองเล่นกันไหม ท่านรัชทายาท”