ค่ำคืนในวังหลวงยังคงเงียบงัน
แต่ใต้แสงจันทร์ที่สาดทาบผ่านม่านบางของตำหนักฮวาหลาน
เงาหนึ่งกลับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา…แฝงกายอยู่ใต้ผ้าแม่บ้านธรรมดา
นางไม่ได้มาขอคำปรึกษา
ไม่ได้มาตรวจงาน
ไม่ได้แม้แต่จะพูด
เงานั้นมีเพียง “ดอกไม้ปักผม” รูปดอกโบตั๋นสีม่วงแดงอ่อน ที่ไม่มีใครในตำหนักนี้ใช้
⸻
เซียนหลัน
ยังคงนั่งสงบนิ่งในห้องหนังสือ มือค่อย ๆ เปิดม้วนตำรา
ข้างตัวมี “กล่องกลไกหยก” วางอยู่ใต้โต๊ะ
“หากผู้มาเยือนไม่ใช่คนของข้า…เสียงฝีเท้าแรกจะทำให้เข็มหยกภายในกล่องเปิดออกภายในสิบก้าว”
แต่ฝีเท้าเบานั้น…ไม่ได้จบที่สิบ
กลับหยุดลงตรงก้าวที่เจ็ด
เซียนหลันวางพู่กัน แล้วกล่าวเสียงเรียบ
“หากเจ้ามาเพียงเพื่อขโมย ก็สมควรจะกลับไปพร้อมมือที่ยังอยู่ครบ”
หญิงสาวในชุดบ่าวเงยหน้าขึ้นทันที
มือขวายังถือปิ่นหยก
ใบหน้าอ่อนเยาว์แต่สายตาแข็งกร้าว
“ข้าถูกสั่งให้เอาสิ่งที่อยู่ในกล่องใต้โต๊ะเขียนหนังสือของท่าน…แต่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร”
เซียนหลันลุกขึ้น ยกกล่องออกมา
กล่องนั้นเปิดออกเองตามกลไกภายใน เผยให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดอยู่ในนั้นแล้ว
“กล่องนี้ว่างเปล่า มานานกว่าที่เจ้าคิด”
หญิงสาวตกใจ
เซียนหลันจ้องตรงไปยังสายตานั้น แล้วถามเสียงเบา
“ใครบอกเจ้าว่ากล่องนี้มีบางอย่างสำคัญ?”
หญิงสาวไม่ตอบ
แต่ร่างกายเคร่งเครียดขึ้นทันที
⸻
ไม่นานนัก บ่าวคนสนิทของเซียนหลันและเวินอี้เฉินก็มาถึง
หญิงสาวถูกควบคุมตัวอย่างไม่มีการทำร้าย
เซียนหลันกล่าวเพียงสั้น ๆ
“ให้ห้องชาดำจัดที่ให้นางนั่งพักเงียบ ๆ ก่อน”
“คนที่ส่งนางมา…อาจกำลังรอฟังว่า นาง ‘หายเงียบไป’ หรือ ‘รอดกลับมา’”
⸻
รุ่งเช้า – ตำหนักรัชทายาท
เฟิงอวี้หานอ่านรายงานการลอบเข้าไปในตำหนักฮวาหลาน
หลังอ่านจบ เขาวางกระดาษอย่างเงียบเชียบ แล้วกล่าวเบา ๆ
“ม่านดอกไม้ที่ดูงาม…หากใช้ปิดบังดาบ ก็ไม่ต่างจากยาพิษในรอยยิ้ม”
เวินอี้เฉินเอ่ย
“สาวใช้ที่ลอบเข้าไปในตำหนักฮวาหลาน…มีรอยสักใต้ไหล่ เป็นตราตระกูลจ้าวแห่งแคว้นเซวียนอวี้”
เฟิงอวี้หานเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อย
“ตระกูลจ้าว…นั่นคือครอบครัวของ ‘ไป๋เยว่หนิง’”
⸻
ตำหนักกุ้ยเฟย
ซูเจินได้รับข่าวเช่นกัน
แต่นางกลับเพียงยกยิ้มอ่อน
“แม้จะไม่ใช่คนของข้า…แต่เป็นศัตรูของศัตรูก็ยังมีประโยชน์”
“จ้าวซื่อ – พวกเจ้าแทรกมือเข้ามาในเกมเร็วไปหน่อยกระมัง?”
⸻
ภายในห้องสอบปากคำ
หญิงสาวคนนั้นยังคงเงียบ
จนกระทั่งเซียนหลันเดินเข้ามาเพียงลำพัง
นางนั่งลงตรงหน้า ถามเสียงเรียบ
“หากเจ้าไม่พูด…ข้าจะให้เจ้าไปที่เดิมที่คนอย่างข้าถูกขังอยู่ในวัยเยาว์”
คำว่า “ที่เดิม” ทำให้หญิงสาวสะดุ้ง
เธอเอ่ยเบา ๆ
“ข้า…เป็นบ่าวสายรองของตำหนักไป๋เยว่หนิง”
“ไม่ได้รับคำสั่งโดยตรง…แต่ถูกคนของตระกูลจ้าวใช้ข้อแลกเปลี่ยนให้แม่ข้ารอดจากคดี”
“ข้าถูกฝึกให้ ‘ไม่คิด’ ตั้งแต่ยังเด็ก…”
เซียนหลันเงียบไปครู่
จากนั้นลุกขึ้น
ก่อนจากไปนางเอ่ยเสียงเรียบ
“ต่อจากนี้…เจ้าจะได้เรียนรู้ว่าการ ‘คิดเอง’ เป็นยังไง”
“เพราะคนที่ไม่มีความคิดของตัวเอง…คือเบี้ยที่ทุกคนพร้อมทิ้ง”
⸻
ท้ายตอน – ในห้องลับของตำหนักเยว่หนิง
เจ้าหญิงพันธมิตรเพิ่งกลับจากวังหน้า
นางเดินเข้าห้องเงียบ ๆ หยิบแผนที่ราชสำนักมาคลี่ออกบนโต๊ะ
“ตำหนักฮวาหลาน…”
“หญิงผู้ต่ำต้อยคนนั้น กลับมีความลับมากกว่าที่ใครคิด”
นางยิ้มเยือกเย็น
ก่อนหยิบ “ม่านดอกโบตั๋นแบบเดียวกัน” วางซ้อนทับกับแผนที่
“คราวนี้…ข้าอยากรู้ว่า ‘หญิงธรรมดา’ จะเล่นบทนางพญาได้นานเพียงใด”