ในวังหลวง…แม้สายลมยังมีหู
⸻
เสียงระฆังประจำตำหนักดังเพรียกเบา ๆ ในยามใกล้พลบค่ำ ขับให้แสงสีทองอ่อนคลี่คลุมผนังหินอ่อนของหอคำสัตย์ อันเป็นสถานที่ซึ่งเหล่าองค์หญิงใช้ถวายสัตย์สาบานต่อสวรรค์เมื่อมีข้อกล่าวหา หรือปัญหาในราชสำนัก
วันนี้…กลับไม่มีพิธีการใดกำหนดไว้ แต่มีบางคน “จัดการ” ให้เซียนหลันต้องไปที่นั่น
⸻
ปมหนึ่งถูกคลี่ คลื่นอีกลูกกำลังก่อตัว
เซียนหลันเดินเข้าสู่หอคำสัตย์ด้วยสีหน้านิ่งเฉย ชุดที่นางสวมในวันนี้เรียบหรู—ไม่มีลวดลาย ไม่มีความสะดุดตา ยิ่งทำให้เงาร่างของนางคล้ายดิ่งจมในความสงบอันน่าหวั่นใจ
บนโต๊ะกลางห้อง ม้วนกระดาษคำเบิกผ้าไหมจากหอคลังวังหลังวางอยู่
ตราประทับลาย “จงอ่อนน้อมแต่กล้า” ที่สลักเป็นรูปหยกดอกเหมยคือเครื่องหมายขององค์หญิงผู้มีสิทธิ์เบิกผ้าพระราชทาน
…เป็นตราประจำตัวของนาง
แต่คนปลอมคือตัวนางเอง…หรือ “ผู้หวังให้ข้าเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น?”
⸻
เสียงจากเงา: เวินอี้เฉิน
“เจ้าดูสงบเกินไปสำหรับคนที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมตราราชวงศ์”
เสียงของเวินอี้เฉินเอ่ยขึ้นจากมุมห้อง ร่างสูงโปร่งในชุดขุนนางสีกลางยืนพิงเสาไม้แกะสลักอย่างไร้พิธีรีตอง
“หรือเจ้ารู้ดีว่าหมากนี้ ไม่ได้วางมาเพื่อฆ่าเจ้า…แต่เพื่อดึงเจ้าลงมาในโคลน แล้วใครบางคนจะได้ยื่นมือ ‘ช่วย’ ด้วยความเมตตา”
เซียนหลันยิ้มบาง
“เจ้าหมายถึงว่ามีคนวางแผนให้ข้าดูอ่อนแอ เพื่อให้ใครสักคนได้แสดงความกล้าหาญ?”
“มีคนกำลังเล่นละคร…และหวังให้เจ้ารับบทนางรอง”
⸻
กลยุทธ์ในบทสนทนา
เวินอี้เฉินวางกระดาษอีกแผ่นลงบนโต๊ะ เป็นรายชื่อคนเข้าออกหอคลังในสามวันหลังสุด
ชื่อของ “จ้าวหรูซู” คนสนิทของซูเมิ่งอวี่ปรากฏเด่น
“ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าต้องเปิดศึก…แต่บางที ควรปล่อยให้บางคนคิดว่าเจ้าเริ่มสงสัยตัวเอง แล้วพวกเขาจะเร่งเผลอตัว”
“เจ้าต้องการให้ข้า ‘แสร้งอ่อนแอ’ สินะ?” นางเอ่ย
เขายักไหล่ “เจ้าทำได้ดีกว่าข้าเสียอีกในบทนั้น”
⸻
กลิ่นน้ำมันหอมในลม
คืนเดียวกันนั้น เซียนหลันกลับเข้าตำหนัก ชั่วขณะหนึ่งลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเปิดบางส่วน
กลิ่นหอมประหลาดของไม้หอมลอยเข้ามา—แปลกไม่ใช่เพราะกลิ่นไม่คุ้น แต่เพราะ…
“ตำหนักนี้ไม่เคยใช้ไม้หอมชนิดนี้…”
นางเดินไปยังหิ้งน้ำชา มือแตะเบา ๆ บริเวณขอบถาดดินเผา
ภายใน…มีเส้นด้ายไหมขาดหนึ่งเส้น กับเศษผงบางเบาที่ซ่อนอยู่ใต้ถาด—เป็นชนิดเดียวกับผงสลบอ่อนที่ใช้ในการทำให้หมดสติระยะสั้น
นัยน์ตาของนางทอแววเย็น
⸻
อีกฟากหนึ่งของวัง — ความเปลี่ยนไปของเจียงซินหลัว
เจียงซินหลัวในยามค่ำคืนนั่งอยู่หน้าโต๊ะสลักลายมังกรแฝง ยามนี้นางเริ่มสงบไม่ได้เหมือนก่อน
ภาพของเซียนหลันที่ยืนนิ่งในหอคำสัตย์ วางทุกคำอย่างวางหมาก—ทั้งไม่เถียง ไม่รุก—แต่กลับทำให้ศัตรูตกใจ
“นางไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าเคยคิด…และบางที…”
นางลูบปลายนิ้วผ่านพัดหิมะที่วางอยู่เบื้องหน้า
บางที การได้อยู่ฝั่งของเซียนหลัน…อาจไม่ใช่เรื่องเสียหาย
⸻
ลานกว้างหน้าตำหนักกุ้ยเฟย — ละครฉากใหม่เริ่มขึ้น
ซูเมิ่งอวี่ยืนรออยู่กับนางกำนัลของตน ใบหน้ายังยิ้มอย่างอ่อนหวาน
ทว่าในใจเริ่มร้อนรน—นางคาดหวังให้เซียนหลัน “โกรธ” และโต้กลับเร็วเกินไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับคือ “เงียบ”
…เงียบจนคนที่หวังทำลายเริ่มต้องกลับมานั่งคิดทบทวนว่า…หมากของตน ถูกดึงให้กลายเป็นตัวเบี้ยหรือไม่
⸻
และตรงมุมหนึ่งของวัง — พระองค์ยืนดูเงา
ฮ่องเต้หลี่ซือเฉินยืนทอดพระเนตรผ่านหน้าต่างชั้นบน พระเนตรทอดไปยังหอคำสัตย์ที่ค่อย ๆ ปิดประตู
พระองค์เพียงเอ่ยกับขันทีข้างกาย
“เซียนหลัน…ในยามเจ้าไม่พูด คือวันที่ผู้อื่นเริ่มกลัวเจ้ามากที่สุด”